หากพูดถึงแบรนด์ Marshall เป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการเสียงและดนตรี มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น มาพร้อมกับเสียงที่มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะลำโพง วันนี้เลยจะมาเจาะลึก ลำโพง Marshall Willen ซึ่งเป็น ลำโพงตัวเล็กสุด ในหมวดพกพา (Portable Speaker) มีขนาดกระทัดรัด จะเป็นยังไงเราลองไปดูกันครับ
การออกแบบของ Willen
ลำโพง Marshall Willen เป็นอเนกประสงค์ขนาดเล็กที่มีเสียงที่ทรงพลัง ที่สามารถพกพาไปที่ไหนก็ได้ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบมาจากเพลงร็อคย้อนยุค วัสดุของลำโพงทำมาจากพลาสติก 100% ปราศจากพลาสติก PVC (โพลี่ไวนิลคลอไรด์) โดย 60% ของพลาสติกในตัวลำโพง ทำมาจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกใช้แล้ว และถูกกลับนำมารีไซเคิลใหม่ โดยที่ยังสะท้อนการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมาแชลอยู่
ด้านหน้าของลำโพงจะมีสัมผัสที่ขรุขระ และมีโลโก้ Marshall สีทองติดอยู่ ในส่วนของรูปร่างลำโพงเป็นสี่เหลี่ยมซึ่งสามารถตั้งได้หรือวางนอนลงกับพื้นได้ครับ ยิ่งไปกว่านั้นด้านหลังของลำโพงจะมีสายรัด ซึ่งสามารถนำไปรัดหรือแขวนไว้กับวัตถุต่างๆได้ เช่น รัดกับเสาขนาดเล็ก รัดกับแฮนด์รถจักรยาน แขวนกับกิ่งไม้เล็ก เป็นต้น
ตัวลำโพงมีขนาด กว้างxยาวxสูง 10.16 x 10.50 x 4.04 cm และมีน้ำหนักเพียง 0.31 กิโลกรัม ซึ่งถือมีขนาดพอดีมือ พาพาไปไหนสะดวก ถือว่าเล็กพริกขี้หนูจริงๆครับ
ลูกบิดควบคุม (control knob)
ที่ตัวลำโพงจะมีปุ่มควบคุมที่สามารถกดและบิดไปมาได้ (knob) ซึ่งสามารถใช้ควบคุมลำโพง ได้หลายฟังก์ชัน เช่น
- กดค้างไว้ 1 ครั้ง เพื่อเปิดหรือปิดลำโพง
- กด 1 ครั้ง เพื่อเล่นเพลงหรือหยุดเพลง
- บิดขึ้น เพื่อเพิ่มเสียง
- บิดลง เพื่อลดเสียง
- บิดไปทางขวา เพื่อเปลี่ยนเพลง
- บิดไปทางซ้าย เพื่อย้อนกลับเพลงก่อนหน้า
นอกจากนี้ หากมีสายเรียกเข้า สามารถใช้ปุ่มควบคุม knob กดรับสายเรียกเข้า และพูดคุยผ่านไมโครโฟนที่ถูก Built-in ติดมากับตัวเครื่องได้ เมื่อจบการพูดคุยสามารถใช้ปุ่มควบคุม knob กดวางสายได้เช่นกัน
สเปคเสียง Willen
Marshall Willen ใช้ Driver แบบ Full Range ขนาด 2 นิ้ว ซึ่งเป็นแบบ Dynamic นอกจากนั้นยังมี Passive Radiator 2 ตัว อยู่ในตัวลำโพง ซึ่งช่วยเพิ่มความแน่นของเสียงเบสมากยิ่งขึ้นครับ
ลำโพงรองรับคลื่นความถี่ 100 – 20,000 เฮิร์ต (Hz) และมีระดับความดังของเสียง (Sound Pressure Level) สูงสุดที่ 82 เดซิเบล (dB) แล้วระดับเสียงเดซิเบลมันดังแค่ไหน ผมลองยกตัวอย่างคร่าวๆ ดังนี้
- เสียงกระซิบ 30 เดซิเบล
- เสียงฝนตกปานกลาง 50 เดซิเบล
- เสียงพูดคุยทั่วไป 60 เดซิเบล
- เสียงไดร์เป่าผม 80 เดซิเบล
- เสียงเครื่องตัดหญ้า 90 เดซิเบล
- เสียงไซเรนรถพยาบาล 120 เดซิเบล
- เสียงยิงปืน 150 เดซิเบล
Stack Mode ในมาแชล คืออะไร
Marshall Willen ยังรองรับ Stack Mode อีกด้วยครับ โดยการที่เราใช้ลำโพงเครื่องที่ 1 ไปเชื่อมต่อกับลำโพงเครื่องที่ 2 โดยมีวิธีเชื่อมต่อคือ เครื่องที่ 1 ให้กดปุ่ม Bluetooth 3 ครั้ง จนไฟสีแดงกระพริบ จากนั้น เครื่องที่ 2 ให้กดปุ่ม Bluetooth 2 ครั้ง จากนั้นลำโพงทั้ง 2 เครื่องจะเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติครับ
เมื่อเชื่อมต่อกันแล้ว จะทำให้เพลงที่เล่นนั้นมีเสียงที่ทรงพลัง และดังกระหึ่มมากขึ้น ฟังเพลงแล้วสนุก ยิ่งถ้าเราสามารถนำลำโพงที่เชื่อมต่อกัยเสร็จแล้วนั้น ไปตั้งตามจุดต่างๆ รอบๆห้อง เสียงเพลงจะดังมาจากทุกทิศทาง ให้อารมณ์คล้ายๆเหมือนนั่งดูหนังอยู่ในโรงหนังเลยครับ
หมายเหตุสักหน่อย การเชื่อมต่อ Stack Mode นั้นจะทำได้เฉพาะรุ่น Willen และ Emberton II เท่านั้นครับ
เทคโนโลยีกันน้ำกันฝุ่นของ Willen
ลำโพง Marshall Willen มีเทคโนโลยีกันน้ำ IP67 โดยสามารถจมใต้น้ำได้ลึกถึง 1 เมตร ระยะเวลานานสูงสุด 30 นาที สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น ตั้งลำโพงไว้ริมสระว่ายน้ำ หรือ เปิดฟังเพลงในเทศกาลสงกรานต์ สามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง
ข้อควรระวังคือ บริเวณช่องชาร์จ USB-C ไม่มีฝาปิด และน้ำอาจจะเข้าลำโพงได้ครับ นอกจากนี้ลำโพงยังสามารถกันฝุ่นได้อีกด้วย
การเชื่อมต่อบลูทูธใช้เทคโนโลยีบลูทูธ 5.1 (Bluetooth 5.1) ซึ่งรองรับระยะการฟังได้ไกลสูงสุดถึง 10 เมตร ลำโพงไม่สามารถเชื่อมต่อ WiFi ได้ และไม่สามารถสั่งการทำงานด้วยเสียง (Voice Control) ได้ครับ
แบตเตอรี่ของ Willen
ในด้านของแบตเตอรี่นั้น การชาร์จลำโพง 1 ครั้งให้เต็ม จะใช้เวลา 3 ชั่วโมง และสามารถฟังเพลงได้นานสูงสุดติดต่อกันเป็นเวลา 15 ชั่วโมงครับ อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้งานเร่งด่วน การชาร์จแบตเตอรี่เพียง 20 นาที จะสามารถฟังเพลงได้นานถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียวครับ ซึ่งถือว่าแบบค่อนข้างอึดและเพียงพอกับการใช้งานในชีวิตประจำวันเลยครับ
การชาร์จแบตเตอรี่ จะใข้สายชาร์จแบบ USB-C ครับ ซึ่งตัวสายจะเป็นอุปกรณ์ที่แถมมากับในกล่องด้วยครับ และที่ตัวลำโพงจะมีระดับไฟบอกสถานะของแบตเตอรี่ด้วยครับ
Willen รองรับแอพลิเคชันมาแชล
Marshall เองได้พัฒนาแอพลิเคชันของตัวเอง ซึ่งมีการตั้งค่า Equalizer Preset มา 3 แบบ คือ
- Marshall เสียงมาตรฐาน ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Marshall
- Push เป็นการเพิ่มเสียงเบสและเสียงแหลม เพื่อให้เพลงที่กำลังเล่นมีพลังมากขึ้น
- Voice เน้นเสียงกลาง โดยเฉพาะเสียงพูดให้ชัดเจนขึ้น เช่น ฟังรายการข่าว หรือ Podcast
ซึ่งทั้ง 3 แบบ สามารถปรับเสียงได้ตามความชอบของแต่ละคน นอกจากนั้นแอพลิเคชันยังสามารถอัพเดท Fireware ผ่านตัวแอพลิเคชันได้อีกด้วยครับ
สำหรับตัวแอพลิเคชันสามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ครับ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพลิเคชัน ได้ที่ลิ้งค์ด้านล่างครับ
Marshall Bluetooth App on Android : ดาวน์โหลดแอพ >
Marshall Bluetooth App on iOS : ดาวน์โหลดแอพ >
เทคโนโลยี IP67 คืออะไร
เทคโนโลยีกันน้ำ IP67 (International Protection Standard) คือ การป้องกันฝุ่นและน้ำของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครับ ซึ่งตัวเลข 6 หมายถึงการปกป้องฝุ่น และตัวเลข 7 หมายถึงการป้องกันน้ำ
การป้องกันฝุ่น จะมี 6 ระดับคือ 0-6 ซึ่งระดับ 6 หมายถึง สามารถป้องกันฝุ่นได้อย่างสมบูรณ์
กันป้องกันน้ำ จะมี 9 ระดับคือ 0-9 ซึ่งระดับ 7 หมายถึงป้องกันการแทรกซึมของน้ำได้ที่ความลึกสูงสุด 1 เมตรเป็นระยะเวลา 30 นาที หากเราต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปกับกิจกรรมที่ต้องใกล้ชิดกับน้ำ เช่น เล่นน้ำสงกรานต์, แคมป์ปิ้งริมแม่น้ำ, หรือกิจกรรมกลางแจ้งขณะที่ฝนกำลังตก ตัวอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ยังคงสามารถทำงานได้อย่างปกติครับ